วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

สถาบันบริการสารสนเทศ


สถาบันบริการหรือแหล่งเรียนรู้สารสนเทศ
งานบริการเป็นหัวใจสำคัญที่สุดสำหรับสถาบันบริการสารนิเทศที่มีหน้าที่ให้บริการสารนิเทศ เช่น ห้องสมุดหรือศูนย์สารนิเทศ,ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร,ศูนย์เอกสารสนเทศ ฯลฯ หากมีการจัดบริหารที่เป็นเลิศ มีประสิทธิภาพ มีงานเทคนิคที่ดีเยี่ยม แต่มีงานบริการที่ไม่เป็นที่ประทับใจไม่สามารถจัดบริการได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพหน่วยงานที่ให้บริการสารสนเทศนั้นก็ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของงานบริการได้ ดังนั้นงานบริการจึงมีความสำคัญต่องานสถาบันบริการสารนิเทศ จนอาจกล่าวได้ว่า"งานบริการคือหัวใจของสถาบันบริการสารนิเทศ"
ความหมายของสถาบันบริการหรือแหล่งเรียนรู้สารสนเทศ

การสื่อสารในปัจจุบันสถาบันบริการหรือแหล่งเรียนรู้สารสนเทศมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและสังคมเป็นอย่างมาก  ถ้ามีความเข้าใจในสารสนเทศแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมหลายด้าน เช่น ช่วยพัฒนาสติปัญญา  บุคลิกภาพ  ด้านการบันเทิง  การประกอบอาชีพ  การตัดสินใจ  พัฒนาการศึกษา  พัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ  นอกจากนี้สถาบันบริการสารสนเทศยังเป็นหน่วยงานที่รวบรวมสารสนเทศต่าง ๆ มีการจัดเก็บสารสนเทศอย่างเป็นระบบ  และเผยแพร่พร้อมให้บริการสารสนเทศตามความต้องการของผู้ใช้  ดังนั้น  ประชาชนจึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจความหมายของสถาบันบริการหรือแหล่งเรียนรู้สารสนเทศที่จะเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต  ดังจะกล่าวต่อไปนี้
                สถาบันบริการสารสนเทศ   คือ  แหล่งสารสนเทศที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวม  จัดเก็บ  และให้บริการสารสนเทศตามความต้องการของผู้ใช้   มีหลายประเภทด้วยกัน   เช่น    ห้องสมุด     ศูนย์สารสนเทศ   ศูนย์ข้อมูล  เป็นต้น


หน่วยทะเบียน สถิติ เป็นแหล่งรับจดทะเบียน เก็บรวบรวมหลักฐานและข้อมูลการจดทะเบียนหรือลงทะเบียน ตลอดจนสถิติที่เกี่ยวข้องหน่วยทะเบียนสถิติมี 2 ลักษณะ ดังนี้

4.1  หน่วยทะเบียน สถิติ ภายในหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาล มีหน่วยทะเบียนเก็บรวบรวมประวัติ และสถิติคนไข้
4.2  หน่วยราชการ ระดับสำนักงาน กอง ฝ่าย ซึ่งได้รับการจัดตั้งให้ดำเนินการรับจดทะเบียนและงานทะเบียนเฉพาะเรื่อง ตามขอบเขตของภารกิ
ตัวอย่างของหน่วยงานทะเบียน คือ กรมทะเบียนการค้า รับจดทะเบียนเป็นแหล่งข้อมูลทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท ทะเบียนธุรกิจของคนต่างด้าวกองทะเบียน กรมการปกครอง มีฝ่ายทะเบียนรับผิดชอบงานทะเบียนการปกครอง
หอจดหมายเหตุ หรือหน่วยงานจดหมายเหตุ
 
 (Archive)
                      หอจดหมายเหตุ เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเอกสารราชการ เอกสารทาง
ประวัติศาสตร์ อันได้แก่ ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือโต้ตอบ บันทึก รายงาน แบบพิมพ์
แผนที่
  แผนผัง  แบบแปลน  พิมพ์เขียว  ภาพถ่าย ภาพวาด สไลด์ ฟิล์มภาพยนตร์ ไมโครฟิล์ม 
วีดิทัศน์ และสื่ออีเล็กทรอนิกส์  เพื่อเป็นหลักฐานแสดงพัฒนาการดำเนินงานของรัฐหรือสถาบันเอกชน ใช้อ้างอิงในการปฏิบัติหน้าที่ และการค้นคว้าวิจัย รวมทั้งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้วย หอจดหมายเหตุจำแนกออกได้ 5 ประเภท คือ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ หอจดหมายเหตุส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น  หอจดหมายเหตุของสถาบันทางศาสนา  หอจดหมายเหตุของมหาวิทยาลัยและ หอจดหมายเหตุของสถาบันธุรกิจและอุตสาหกรรม

สรุปได้ว่า  สถาบันบริการสารสนเทศ”  คือ หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหา จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศเฉพาะสาขาวิชาหรือเฉพาะเรื่อง บุคลากรของศูนย์ประกอบด้วยนักเอกสารสนเทศ นักวิจัย บรรณารักษ์ นักบรรณานุกรม
ประเภทของสถาบันบริการสารสนเทศ
วิทยาการ ความรู้ และเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ ของสังคมอย่างกว้างขวาง ความก้าวหน้าของมนุษย์ในสังคมเกิดจากการถ่ายทอดและเรียนรู้ ดังนั้นสถาบันบริการสารสนเทศจึงมีความสำคัญ และเป็นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ในสังคมสารสนเทศ เช่นปัจจุบัน สถาบันบริการสารสนเทศมีรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ห้องสมุด ศูนย์สารนิเทศ ศูนย์ข้อมูล หน่วยทะเบียน สถิติ ศูนย์วิเคราะห์สารนิเทศ ศูนย์ประมวลแจกจ่ายสารนิเทศ ศูนย์แนะแหล่งสารนิเทศ หน่วยงานจดหมายเหตุ และสถาบันบริการสารนิเทศเชิง


พาณิชย์ ดังนั้นจึงมีผู้รู้ได้แบ่งประเภทของสถาบันบริการสารสนเทศได้หลายแบบ ดังต่อไปนี้(ชุติมา สัจจานันท์ 2539 121-156)




ตัวอย่าง


ประเภทของสถาบันบริการสารสนเทศ
     แหล่งสารสนเทศสมารถแบ่งออกเป็น  5  กลุ่ม ดังนี้
     1. แหล่งสารสนเทศสถาบัน
     2. แหล่งสารสนเทศบุคคล
     3. แหล่งสารสนเทศสถานที่
     4. แหล่งสารสนเทศสื่อมวลชน
     5. แหล่งสารสนเทศอินเทอร์เน็ต
 1. แหล่งสารสนเทศสถาบัน
          เป็นแหล่งสารสนเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มสถาบัน/องค์กรต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นของรัฐบาล  รัฐวิสาหกิจ  เอกชน  สมาคม  หรือองค์การระหว่างประเทศ  โดยมีหน้าที่พื้นฐานคือ  รวบรวมการจัดการและให้บริการสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ของสถาบันนั้น ๆ จึงเรียกว่า สถาบันบริการสารสนเทศ มีหลายรูปแบบเรียกชื่อต่างกันไป เช่น ห้องสมุดหรือหอสมุด  หอจดหมายเหตุ  ศูนย์สารสนเทศ  เป็นต้น  ส่วนใหญ่สถาบันเรียกชื่อต่างกันไป เช่น ห้องสมุดหรือหอสมุด หอจดหมายเหตุ ศูนย์สารสนเทศ เป็นต้น
   
2. แหล่งสารสนเทศบุคคล
           เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีอยู่ในตัวบุคคลที่เป็นผู้รู้สารสนเทศ โดยเกิดจากการประมวลความคิด ความรู้และประสบการณ์ของแต่ละบุคคล แหล่งสารสนเทศบุคคลที่สำคัญ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักวิชาชีพในสาขาวิชาต่าง ๆ เป็นต้น การเข้าถึงสารสนเทศบุคคลอาจต้องใช้วิธีการติดต่อสอบถามขอความรู้ คำแนะนำเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการจากบุคคลเหล่านั้นโดยตรง

3. แหล่งสารสนเทศสถานที่
          ได้แก่ อนุสาวรีย์ โบราณสถาน อุทยานแห่งชาติรวมถึงสถานที่จำลองด้วย เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปราสาทหินพิมาย เมืองโบราณ เป็นต้น แหล่งสารสนเทศเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นแหล่งที่เข้าถึงได้ไม่ยากนัก ข้อด้อยของแหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ก็คือ สถานที่บางแห่งอยู่ไกล การเดินทางไปสถานที่แห่งนั้นต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก

 4.  แหล่งสารสนเทศสื่อมวลชน  
          เป็นแหล่งสารสนเทศที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ  ข่าวสาร  เหตุการณ์  ต่อมวลชนส่วนใหญ่  เน้นความทันสมัย/ทันต่อเหตุการณ์  ใช้การถ่ายทอดสารสนเทศในรูปของการกระจายเสียง  ภาพและตัวอักษรโดยผ่านสื่อประเภท  โทรทัศน์  วิทยุและหนังสือพิมพ์

    5. แหล่งสารสนเทศอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วโลก  เชื่อมโยงฐานข้อมูลจำนวนมากเข้าด้วยกันทำให้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งสารสนเทศผ่านเครือข่ายที่ไม่มีพรมแดน  มีประโยชน์ต่อการสื่อสาร  การค้นหาและการแลกเปลี่ยนข้อมูล  ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่มีความสำคัญทางการศึกษา  เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นสื่อผสม (Multi- media) ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี  สถาบันการศึกษาทุกระดับโดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับอุดมศึกษาได้เชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการศึกษาช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้จากอินเตอร์เน็ต  เช่น ฐานข้อมูลห้องสมุด  วารสารและจดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์  บริการทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย  โปรแกรมคอมพิวเตอร์  และข้อมูลข่าวสารต่างๆโดยใช้บริการอินเตอร์เน็ต  เช่น  บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ( Email) บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลด้วยโปรแกรม (FTP : File Transfer Protocal) การสนทนาทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (IRC : Internet Relay Chat ) และการบริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW : World Wide Web ) เป็นต้น
          แหล่งสารสนเทศที่ปรากฏอยู่บนเครือข่าย  WWW  นั้นจะมีที่อยู่ของเว็บไซต์ที่เรียกว่า URL (Universal/Uniform Resource Locators) โดยมีรูปแบบที่เป็นสากล  ถ้าใส่ไม่ถูกต้องก็จะค้นหาไม่พบ  URL ของเว็บไซต์จะประกอบด้วย WWW.ชื่อย่อ/อักษรย่อของหน่วยงาน.ชื่อย่อโดเมน  ตัวอย่าง URL ของกลุ่มต่างๆที่ปรากฏบนเครือข่าย  WWW

ปกิณกะ

10 วิธี เพื่อการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผล


http://www.formumandme.com/spacer.gif 1. ความตั้งใจของตัวคุณเอง การควบคุมน้ำหนักเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก แต่สาเหตุที่ทำไม่ค่อยประสบความสำเร็จ มาจากการไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในโปรแกรมได้ตลอดระยะเวลาที่กำหนด เราควรสร้างกำลังใจให้ตนเอง มีความตั้งใจที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย สร้างภาพพจน์ให้ชัดเจนในใจ จินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทำสำเร็จ

http://www.formumandme.com/spacer.gif 2. ไม่ควรอดอาหาร เพราะการอดอาหาร นอกจากจะทำให้ขาดสารอาหารแล้ว ยังทำให้รู้สึกหิวมาก จนทำให้รับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป การอดอาหารเป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง และจะกลายเป็นคนอ้วนง่าย วิธีการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง คือ รับประทานอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในสัดส่วนที่พอเหมาะ ลดอาหารไขมันสูง รับประทานผักและผลไม้ แทนมาก ๆ

http://www.formumandme.com/spacer.gif 3. หาเวลาออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิก เพื่อให้เกิดการเผาผลาญพลังงาน และหัวใจได้สูบฉีดโลหิต ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย แบบเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ จะทำให้ร่างกายกระชับได้สัดส่วน อย่างน้อยวันละ 30 นาที

http://www.formumandme.com/spacer.gif 4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหวาน น้ำอัดลม ให้ดื่มน้ำเปล่า วันละประมาณ 8 แก้ว หรือ ดื่มน้ำผลไม้ 100% ที่ไม่มีน้ำตาล

http://www.formumandme.com/spacer.gif 5. อย่ารับประทานอาหารเร็วเกินไป เนื่องจากร่างกายมีกลไก การรับรู้ความรู้สึกอิ่มจากสารอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาลที่เข้าสู่กระแสเลือด หากรับประทานเร็วเกินไป กว่าร่างกายจะตอบสนองว่าอิ่ม ก็ได้รับประทานอาหารมากเกินไปแล้ว เพราฉะนั้นในแต่ละมื้ออาหาร ควรดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว เคี้ยวอาหารให้ช้าลง และหยุดรับประทานอาหารทันทีที่รู้สึกอิ่ม ไม่ควรเสียดายอาหารที่เหลือ

http://www.formumandme.com/spacer.gif 6. ควรรับประทานอาหารให้อิ่มเรียบร้อย ก่อนที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น ไม่ควรรับประทานอาหารไป ดูทีวีไป เพราะจะทำให้เพลิน และรับประทานอาหารเกินความต้องการของร่างกาย

http://www.formumandme.com/spacer.gif 7. ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อดึก หรือรับประทานขนมในเวลาก่อนเข้านอน เพราอาหารที่รับประทานทั้งหมดจะกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย

http://www.formumandme.com/spacer.gif 8. งดอาหารว่างระหว่างมื้อที่เป็นของขบเคี้ยว เบเกอรี่ หรือของหวาน ให้รับประทานผัก หรือ ผลไม้แทน

http://www.formumandme.com/spacer.gif 9. การออกกำลังกายที่สนุกสนาน จะช่วยทำให้เราสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ และมีความสุขที่จะทำ เช่น เล่นกีฬาที่ชอบ , ทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกที่บ้าน อาจเป็นงานบ้าน หรือไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ เมื่อไหร่ที่เริ่มมีอาการเบื่อการออกกำลังกาย ให้สลับกับกิจกรรม หรือกีฬาที่เราชอบ เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานไปพร้อม ๆ กัน

http://www.formumandme.com/spacer.gif 10. เริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่เป็นไปได้ ไม่ควรลดน้ำหนักรวดเร็วเกินไป ให้รางวัลกับตัวเอง เช่น เสื้อ หรือกางเกง เมื่อประสบความสำเร็จ แต่ไม่ควรให้รางวัลด้วยอาหารมื้อพิเศษ


ที่มา : ขอขอบคุณ บทความของ ภ.ญ.วราภรณ์ เอี่ยมสุวรรณ์




การรักษาโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เมื่อหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่แพ้ และรับประทานยาแก้แพ้ก็จะสามารถควบคุมอาการได้ สำหรับผู้ที่มีอากรคัดจมูกมากอาจจะต้องให้ยาลดอาการคัดจมูก( Decongestant) สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรังอาจจะต้องใช้ยาหยอดจมูก steroid หลักการรักษาประกอบด้วย
1.            หลีกเลี่ยงหรือป้องกันสารที่เป็นภูมิแพ้้การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ได้กล่าวในหัวข้อของการแพ้สารก่อภูมิแต่ละชนิด สำหรับเครื่องฟอกอากาศก็มีประโยชน์ บางชนิดใช้ไฟฟ้า บางชนิดใช้ fiberglass ซึ่งก็สามารถลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศลง และอาจจะใช้เสริมกับระบบเครื่องปรับอากาศ ก่อนที่ท่านจะซื้อจะต้องเช่า 1-2 เดือนลองใช้กับห้องที่ค่อนข้างมิดชิดแล้วดูว่าอาการภูมิแพ้ลดลงหรือไม่ และต้องคำนึงอีกข้อหนึ่งคืออัตราการไหลของอากาศต้องมากพอที่จะฟอกอากาศ ถ้าอัตราการไหลต่ำก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ควรใช้โอโซนเพราะจะระคายเคืองเยื่อจมูก
2.            การใช้ยาอย่างเหมาะสมเพื่อลดอาการ หรือป้องกันอาการ ยาที่ใช้รักษามีดังนี้
1.            การรักษาโดยการฉีดภูมิแพ้ Immunotherapy ผู้ป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้เพื่อให้ร่างการสร้างภูมิชนิด IgG การฉีดจะเลือกฉีดเฉพาะสารก่อภูมิแพ้ที่ได้ทดสอบทางผิวหนังแล้วว่าแพ้ และจะค่อยเพิ่มขนาดยาตามตารางเวลา หลังจากฉีดแต่ละครั้งควรอยู่ในสถานพยาบาลครึ่งชั่วโมง และระหว่างการรักษาไม่ควรรับประทานยา beta-block และยา monoamine oxidase
inhibitors (MAOIs) ผลข้างเคียงจากการฉีดก็มีผื่นเฉพาะที่แดง คันผื่นจะอยู่นาน 4-8 ชั่วโมง ส่วนข้างเคียงอีกชนิดหนึ่งคืออาการคัดจมูก แน่นหน้าอก คัดจมูกและน้ำมูกไหล อาการเหล่านี้มักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังฉีด
การรักษาอื่นที่บรรเทาอาการได้แก่
  • การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ
  • การดมไอน้ำร้อนครั้งละ10-15 นาทีวันละ 2-4ครั้ง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น